วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

5 สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตมีช่วงขาขึ้นและขาลง เหมือนกราฟที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

5 สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
มีช่วงขาขึ้นและขาลง เหมือนกราฟที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
.
หากใครที่เคยเล่นหุ้นมาแล้วจนชำนาญ เราก็จะสามารถอ่านกราฟได้ออกและคาดเดาได้ว่าต่อไปกราฟนี้ จะขึ้น Buy หรือ Sell ทำให้เราเลือกที่จะเคาะล็อตได้ถูกต้อง แน่นอนว่า..เราจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกราฟตรงหน้า มันก็ต้องมี “สัญญาณ” บางอย่างที่ทำให้เราต้องเตรียมตัวรับมือกับมันเสมอ
.
ชีวิตของเราเองก็ดำเนินคล้ายๆกับการมองกราฟหุ้น มีขึ้น มีลง และมีสัญญาณเพื่อบ่งบอกเราว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
.
สัญญาณที่บ่งบอกว่าชีวิตเรากำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ก็สามารถคาดเดาได้เหมือนกับการอ่านกราฟเช่นกัน เพราะชีวิตของเรามีช่วงแต่ละช่วงแตกต่างกันออกไป และในแต่ละช่วงเมื่อถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ก็จะเกิดการหักเหไปอีกทิศ ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจว่าแต่ละช่วงที่เราพบเจอนั้น เป็นช่วงแบบไหน การคาดเดาเพื่อเข้าสู่ช่วงต่อไป ก็จะไม่ยาก
.
ซึ่งมันประกอบไปด้วย 5 ช่วงดังต่อไปนี้
.
1. ช่วงชิลด์
.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตัวเราเองได้รับความสบายใจอย่างมากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ก็จะมีแต่เรื่องที่ทำให้เราแฮปปี้เข้ามาตลอด แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของช่วงชิลด์ที่เราสุขจนอิ่มตัว แน่นอนว่าหลังจากช่วงนี้ไป ก็จะเกิดการเปลี่ยนบางอย่างซึ่งให้ผลที่แตกต่างออกไปแน่นอน
.
.
2. ช่วงใช่
.
เป็นช่วงที่เราเริ่มคิด หรือเริ่มเอะใจกับอะไรบางอย่าง จนเริ่มไตร่ตรองและหาข้อมูล หรือใช้ความคิดเพื่อตกผลึกกับมัน เมื่อเราใช้ความคิดกับมันจนหาคำตอบได้แล้ว นั่นคือจุดสูงสุดของช่วงนี้ ที่จะทำให้เราก้าวเข้าสู่ช่วงต่อไป
.
.
3. ช่วงชัด
.
เป็นช่วงที่ทำให้เราต้องตัดสินใจบางอย่างจากการขบคิดถึงคำตอบที่แน่ชัด หลังจากที่เราได้ผ่านการตกผลึกมาแล้ว และการตัดสินใจนี่แหละ เป็นสัญญาณใหญ่ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไป เพราะทางเลือกของเราแต่ละทาง มันให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเสมอ
.
.
4. ช่วงลงมือทำ
.
เมื่อคิดแล้ว ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องเข้าสู่ช่วงลงมือทำ เพราะเราไม่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้ ไม่งั้นกราฟชีวิตของเราก็จะทรงตัวไม่กระดิกไปไหน การลงมือทำเท่านั้นที่เป็นจุดสูงสุด ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ช่วงต่อไป
.
.
5. ช่วงลงมือทำจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
.
ในขณะที่เราลงมือทำ เราไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ดังนั้นอย่าหยุดที่จะลงมือทำ จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อย่างเช่น การทำงานอย่างตั้งใจไปเรื่อยๆ จนได้รับโบนัสและวันหยุดพิเศษ หรือการอ่านหนังสือหนึ่งเรื่องจนจบเล่ม แล้วได้รับข้อคิดและมุมมองใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปอีกทาง เป็นต้น ดังนั้น ตราบใดที่เรายังลงมือทำ อย่าหยุดจนกว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากมัน
.
.
เพราะช่วงต่างๆ มันล้วนกลับไปกลับมา หรือพุ่งขึ้นลงไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนั้นเข้าใจช่วงและจุดเปลี่ยนแปลงของแต่ละช่วงยังไง จัดการกับช่วงแต่ละช่วงแบบไหน ดังนั้น 5 ช่วงที่กล่าวมาข้างต้นนั้นจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามแต่บุคคล ไม่สามารถกำหนดให้มันเป็นไปอย่างตายตัวได้
.
อย่างไรก็ตามการเข้าใจช่วงต่างๆ ของชีวิตนั้นค่อนข้างสำคัญ เพราะมันทำให้เราสามารถตอบตัวเองได้ว่าเราสามารถเดินไปได้ทางไหน นำตัวเองไปสู่อะไร หรือพบเจออะไร การเตรียมตัวเตรียมใจของเรากับสถานการณ์ข้างหน้านั้นก็จะง่ายขึ้น และพานพบกับความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน
.
.
ตอนนี้กราฟชีวิตของทุกคน อยู่ในช่วงไหนกันบ้างแล้ว?
.
เขียนโดย Raffe.
ที่มา istrong

#FutureTrends #Futureisnear #Futureisnow

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น