วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2563

เลี้ยงลูกเชิงบวกต้องมีวินัยเชิงบวกด้วย

#เลี้ยงลูกเชิงบวกต้องมีวินัยเชิงบวกด้วย

ทำวินัยเชิงบวกเก่งก็ไม่รอดถ้าไม่มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก

เลี้ยงลูกเชิงบวกของแท้คือวินัยเชิงบวก + ปฏิสัมพันธ์เชิงบวก 

หมอพูดถึงเรื่องนี้ ในงานสัมมนาฉบับย่อ “วินัยเชิงบวก เลี้ยงลูกสู่ความสำเร็จ” งาน open house บุรีรัมย์อินเตอร์สคูล และเบรนสคูลบุรีรัมย์ 😍 😍
.
.

ขอสรุปให้พ่อแม่ทุกๆท่านได้ฟังด้วยนะคะ^^

1.วินัยเชิงบวก คืองานปลูกฝังทักษะสมอง EF ให้ลูกเป็นสำคัญ.. 

-ไม่ใช่งานตรงหน้าที่ต้องรีบเสร็จอย่างเดียว
..........

2.วินัยเชิงบวก ต้องมีสติ ไม่ใช้อารมณ์บังคับลูกเชื่อฟัง 

-ถ้าใช้อารมณ์จะได้แต่งานตรงหน้า ไม่ได้งานทักษะสมอง EF ลูก ลูกจะกำกับตนเองไม่ได้
..........

3.พ่อแม่ต้องพยายามสื่อสารเชิงบวก
 
-ใช้ I message ให้มากที่สุด เช่น “แม่อยากให้ลูกเก็บของให้เสร็จก่อนไปเล่น” แทน การขู่ ที่เป็น You messageเช่น “ถ้าไม่เก็บ ไม่ต้องไป!”
..........

4.พ่อแม่ต้องมีเหตุผลและอธิบายจนลูกเข้าใจ 

-เด็กเล็กๆ พ่อแม่ต้องใช้ภาษาท่าทางประกอบ ย่อยคำอธิบายให้ง่ายตามวัย อย่าคิดว่าลูกไม่รู้เรื่องแล้วไม่อธิบาย เด็กรู้เรื่องมากกว่าที่เราคิด..
..........

5.วินัยเชิงบวก ควรมีกติกาหรือเงื่อนไข 

-เช่น กติกาคือ “ถ้ายังไม่เก็บ เราจะไม่ขยับไปไหน” และทำจริงตามที่พูด
..........

6.พ่อแม่ต้องฝึก “ทำจริง ตามที่พูด” โดยไม่ใช้อารมณ์

-ออกกติกาให้ดี เอาแบบที่เราทำได้จริงๆ ไม่เช่นนั้น คำพูดพ่อแม่จะไม่ศักดิ์สิทธิ
..........

7.เมื่อลูกมีอารมณ์ ทำงานกับอารมณ์
 
-เบี่ยงเบน, สะท้อนว่าเราเข้าใจลูก, เพิกเฉย, กอด ตามที่เขียนในโพสต์ก่อน

https://www.facebook.com/PositiveparentingDr.saowapa/photos/a.237161899741399/1050595015064746/?type=3&theater
..........

8.วินัยเชิงบวกอย่างเดียว เลี้ยงลูกไม่รอด พ่อแม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกด้วย 

-พ่อแม่ที่เข้าบ้านแล้วถามหาความรับผิดชอบลูกอย่างเดียว ไม่มีเวลาคุณภาพ ส่วนใหญ่ลูกต่อต้าน ยิ่งสอน ยิ่งดื้อ
 ..........

9.การเลี้ยงลูกเชิงบวกของแท้ต้องประกอบด้วย “วินัยบวกและปฏิสัมพันธ์เชิงบวก”

-กติกาของการเลี้ยงลูกเชิงบวกจะต้องทำสองอย่าง..ถ้าพ่อแม่อยากทำสำเร็จ ต้องเล่นตามกติกา 
..........

10.ปฏิสัมพันธ์เชิงบวก คือ เวลาคุณภาพที่พ่อแม่จะได้รู้จักลูก ลูกรู้จักพ่อแม่ พ่อแม่เอ่ยปากชื่นชมและแสดงความเข้าใจลูกได้มากมาย 

-มักเป็นช่วงเวลาที่จดจ่อกิจกรรมด้วยกัน เช่น อ่านนิทานแล้วถามตอบกัน, ช่วยกันสร้างงานง่ายๆ, เล่นของเล่นด้วยกัน ฯ ไม่ค่อยเกิดขึ้นตอนช็อปปิ้งหรือไปเที่ยว เพราะไม่ได้จดจ่อกันมากนัก
..........

11.ภาษารัก เป็นอีกเรื่องที่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจ

-ภาษารักที่ลูกต้องการมากที่สุก คือ คำชื่นชม คำพูดที่แสดงความใส่ใจและเข้าใจ โดยพ่อแม่ต้องฝึกพูดออกมา ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะชมในใจ หรือเข้าใจลูกอยู่ข้างใน
..........

12.ภาษารักอีกรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน ได้แก่ การซื้อของให้ การพาไปเที่ยว การตามใจ การช่วยทำให้ การบริการลูก ลูกชอบแน่ๆภาษารักแบบนี้ พ่อแม่ให้ได้บ้าง อย่ามากไป... ขอให้เน้นภาษารักแบบชื่นชม ใส่ใจและเข้าใจจะดีที่สุด 

-และอย่าเป็นภาษารักเดียวที่ให้ลูกนะคะ...ถ้าวันหนึ่งเราตามใจลูกไม่ได้ ลูกจะโวยวายหนักมากบอกว่าพ่อแม่ไม่รัก 
..........

หวังว่าทุกๆท่านจะได้ประโยชน์ 🥰

ปล. ดีใจที่ได้เจอพ่อแม่ที่บุรีรัมย์นะคะ 😍

หมอเสาวภาเลี้ยงลูกเชิงบวก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น